ทั่วไป + แพ่ง + อาญา 1

1. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1322 ที่บัญญัติว่า “บุคคลใดทำให้สัตว์ป่าบาดเจ็บแล้วติดตามไป และบุคคลอื่นจับสัตว์นั้นได้ก็ดี หรือสัตว์นั้นตายลงในที่ดินของบุคคลอื่นก็ดี ท่านว่าบุคคลแรกเป็นเจ้าของสัตว์” นั้น หลักกฎหมายดังกล่าว จัดเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นในยุคใด
ยุคกฎหมายชาวบ้าน
ยุคกฎหมายของนักกฎหมาย
ยุคกฎหมายเทคนิค
ไม่มีข้อใดถูก

2. คดีข้อพิพาทใดต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
เทศบาลละเลยไม่ดำเนินการสั่งการให้บริษัทกำจัดขยะทำการฝังกลบขยะมูลฝอยเป็นเหตุให้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน
การที่แพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐให้การรักษาไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้คนไข้บาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย
นายอำเภอปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้แก่คนไทยที่สมรสกับคนต่างด้าวโดยอาศัยอำนาจจากหนังสือเวียนของกระทรวงมหาดไทย
กรมเจ้าท่าออกคำสั่งให้เอกชนรื้อถอนแพหรือโรงเรือนที่รุกล้ำริมฝั่งแม่น้ำ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย แต่เอกชนไม่ยอมรื้อถอน
3. การเสนอคดีแพ่งที่มีข้อพิพาทต่อศาล โจทก์ไม่อาจเสนอคดีต่อศาลใด
ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล
ศาลที่โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล
ศาลที่มูลคดี(ต้นเหตุแห่งการฟ้องร้อง)เกิดขึ้น
ศาลที่เกิดเหตุละเมิดต่อกัน
4. องค์กรของรัฐที่เป็นอิสระที่ทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่จะมีขึ้นในอนาคต คือองค์กรใด
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.)
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
คณะกรรมการในข้อ ก. และ ข้อ ข.
5. การลบล้างการกระทำความผิดอาญาที่บุคคลได้กระทำมาแล้วตามกฎหมายฉบับก่อนๆ โดยมีการออกกฎหมายภายหลังกำหนดให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิด และถือเสมือนหนึ่งว่า ผู้กระทำความผิดนั้นๆมิได้กระทำความผิดเลย และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดเรียกว่า
การขอพระราชทานอภัยโทษ
การออกกฎหมายนิรโทษกรรม
การออกกฎหมายย้อนหลัง
การออกกฎหมายยกเว้นความผิด
6. หลักเกณฑ์การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกฎหมาย ข้อใดไม่ถูกต้อง
ศาลของประเทศผู้ร้องขอต้องไม่เคยพิพากษาให้ปล่อยตัวหรือพิพากษาให้ลงโทษ และผู้นั้นได้พ้นโทษมาแล้ว
ความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองจะไม่สามารถร้องขอให้ส่งตัวได้
ความผิดที่ผู้ต้องหาได้กระทำนั้นต้องเป็นความผิดทั้งใน และประเทศผู้ถูกร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และเป็นความผิดที่กฎหมายไทยกำหนดโทษจำคุกไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี
ผู้ที่ถูกร้องขอให้ส่งตัวจะต้องเป็นผู้ซึ่งศาลของประเทศผู้ร้องขอได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว
7. การนั่งพิจารณาคดีของศาลต้องมีผู้พิพากษาหรือ ตุลาการครบองค์คณะ และผู้พิพากษาหรือตุลาการซึ่งมิได้นั่งพิจารณา คดีใด จะทำคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยคดีนั้นมิได้ เว้นแต่มีเหตุสุด วิสัยหรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ คำว่า“กฎหมาย” ดังกล่าว หมายถึงกฎหมายใด
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายปกครอง
กฎหมายว่าด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
8. ข้อใดไม่ใช่หลักการใหม่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
ผู้สมัคร ส.ว. ต้องไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของ ส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
บุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงหากไม่อาจเรียกร้องตามวิธีอื่น
กำหนดให้มีหมวดการเงิน การคลัง และงบประมาณ เพื่อตรวจสอบการ ใช้อำนาจรัฐด้านการเงิน
สิทธิชุมชนในการปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรในท้องถิ่นของตน
9. ข้อใดถูกต้อง
I คนไร้ความสามารถทำนิติกรรมมีผลเป็น โมฆะ
II คนวิกลจริตทำนิติกรรมขณะจริตวิกลและคู่กรณีรู้ว่าเป็นคนวิกลจริต มีผลเป็นโมฆียะ
III คนเสมือนไร้ความสามารถทำนิติกรรมมีผลเป็น โมฆะ
IV ผู้เยาว์ทำพินัยกรรมอายุไม่ครบ 15 ปี บริบูรณ์ มีผลเป็นโมฆะ
V ผู้เยาว์ทำการหมั้นเมื่ออายุไม่ครบ 17 ปี บริบูรณ์ ต้องขออนุญาตต่อศาลก่อนจึงจะสมบูรณ์
VI คนวิกลจริตทำการสมรส มีผลเป็นโมฆียะ
I, IV
II, IV
I, III, IV, V
I, II, IV, V, VI
10. ข้อใดถูกต้อง
I การแสดงเจตนาซ่อนเร้นโดยคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งรู้เจตนาภายในของอีกฝ่ายหนึ่งมีผลเป็น โมฆียะ
II การแสดงเจตนาลวงมีผลเป็นโมฆะ
III การทำนิติกรรมเพราะถูกข่มขู่มีผลเป็นโมฆะ
IV การทำนิติกรรมเพราะสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์เป็น โมฆียะ
V สัญญาให้สังหาริมทรัพย์นั้นถ้าไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่ให้จะเป็นโมฆะ
VI สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือจึงจะสมบูรณ์
I, IV
II, IV, VI
I, II, IV, V
I, III, IV, V, VI
11. ข้อใดถูกต้องที่สุด
โมฆียะ คือ ไม่สมบูรณ์จนกว่าจะถูกบอกล้างหรือให้สัตยาบัน
เบี้ยปรับเป็นการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้า
รัฐบาลและสำนักสงฆ์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน
กำไร จากการขายทรัพย์สินเป็นดอกผลนิตินัย
12. ทรัพย์ในข้อใดต่อไปนี้สามารถนำไปจำนำได้
ช้างที่ตีตั๋วรูปพรรณแล้ว
บ้าน
ที่ดิน
ไม่มีข้อใดถูก
13. ข้อใดถูกต้อง
I สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่มีผลเป็น โมฆะ
II สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 3 ปี ที่ไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่มีผลเป็น โมฆะ
III สัญญาเช่าซื้อที่ไม่ทำเป็นหนังสือมีผลเป็น โมฆะ
IV สัญญากู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาท ที่ไม่ทำเป็นหนังสือมีผลเป็น โมฆะ
V สัญญาจำนอง ที่ไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่มีผลเป็น โมฆะ
I, III
I, II, III
I, III, V
I. II, III, V
14. ข้อใดต่อไปนี้กรรมสิทธิ์โอน
เช่าทรัพย์
ฝากทรัพย์
จำนำ
ยืมใช้สิ้นเปลือง
15. การสมรสในข้อใดมีผลเป็นโมฆะ
การสมรสโดยสำคัญผิดตัวคู่สมรส
การสมรสโดยถูกข่มขู่
การสมรสที่ชายหรือหญิงอายุไม่ถึง 17 ปี
การสมรสซ้อน
16. บุคคลในข้อใดต่อไปนี้ทำพินัยกรรมได้สมบูรณ์
นายเป็ดอายุ 14 ปี ทำพินัยกรรมโดยได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
นายไก่บุคคลวิกลจริตทำพินัยกรรมขณะจริตวิกล
นายนกคนเสมือนไร้ความสามารถทำพินัยกรรมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์
พินัยกรรมทุกข้อไม่สมบูรณ์
17. งานสร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อใด
ตั้งแต่สร้างสรรค์งานนั้นเสร็จ
ตั้งแต่จดทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ตั้งแต่เผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบ
ตั้งแต่ได้รับการรับรองจากศาลทรัพย์สินทางปัญญา
18. จงพิจารณาข้อต่อไปนี้
1. การยึดทรัพย์สินหรือการกักขังแทนค่าปรับ ต้องกระทำภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
2. การยับยั้งหรือกลับใจ ทำให้ผู้กระทำไม่มีความผิด
3. ทรัพย์สินซึ่งศาลพิพากษาให้ริบให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ศาลจะพิพากษาให้ทำให้ทรัพย์สินนั้นใช้ไม่ได้ หรือทำลายทรัพย์สินนั้นเสียก็ได้
4. เมื่อศาลสั่งให้ริบทรัพย์สิน หากเจ้าของที่แท้จริงที่มิได้รู้เห็นเป็นใจต้องการร้องขอทรัพย์คืน ต้องยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้อง เมื่อพิจารณาข้อ 1. ถึง 4.
มีข้อถูก 1 ข้อ
มีข้อถูก 2 ข้อ
มีข้อถูก 3 ข้อ
1 ถึง 4 ไม่มีข้อใดถูกเลย
19. จงพิจารณาความผิดต่อไปนี้
ความผิดกลุ่มที่ 1 ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง หมิ่นประมาท โกงเจ้าหนี้
ความผิดกลุ่มที่ 2 รับของโจร ทำให้แท้งลูก เรียกค่าไถ่ พรากผู้เยาว์
ความผิดกลุ่มที่ 3 ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์
ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ถูกต้อง
ความผิดกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นความผิดอันยอมความได้
ความผิดกลุ่มที่ 3 ผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์ก็ไม่ตัดสิทธิพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินคดี
ความผิดกลุ่มที่ 2 และ 3 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
ข้อ ก, ข, ค ทุกข้อล้วนไม่ถูกต้องทั้งหมด
20. การคุมตัวไว้ในสถานพยาบาลสำหรับผู้กระทำความผิดที่ติดยาเสพติด ศาลจะสั่งคุมตัวไว้ได้ไม่เกินกี่ปี
1 ปี
2 ปี
3 ปี
4 ปี
21. หลักกฎหมาย
1) ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอัน เข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกัน ค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าเป็นการจำเป็นโดยพฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้ แต่ว่าผู้นั้นต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของสัตว์โดยไม่ชักช้า ถ้าและหาตัวเจ้าของสัตว์ไม่พบ ผู้ที่จับสัตว์ไว้ต้องจัดการตามสมควรเพื่อ สืบหาตัวเจ้าของ
ข้อเท็จจริง
นายแดงและนายดำมีที่ดินอยู่ติดกัน นายแดงเลี้ยงเป็ดไว้ฝูงหนึ่ง ส่วนนายดำทำสวนปลูกผักขาย เป็ดของนายแดงมักเล็ดลอดมุดรั้วเข้าไปกินผักในสวนของนายดำบ่อยครั้ง นายดำจึงว่ากล่าวตักเตือนนายแดงให้ดูแลระมัดระวังมิให้เป็ดลอดเข้าไปกินผักในสวนของตน แต่นายแดงไม่ใส่ใจปล่อยให้เป็ดเข้าไปกินผักในสวนของนายดำเรื่อยมา จนนายดำไม่สามารถอดทนดูความเสียหายที่เกิดจากเป็ดของนายแดงได้อีกต่อไป ข้อใดเป็นสิทธิที่นายดำสามารถกระทำได้โดยชอบตามหลักกฎหมายดังกล่าว
วางยาพิษให้เป็ดกินจนตายไปหลายตัว
ใช้สุนัขขับไล่เป็ดออกไปจากสวนผักของตนเป็นเหตุให้เป็ดวิ่งหนีออกไปบนถนนสาธาณะและถูกรถยนต์ที่วิ่งผ่านมาทับตายหลายตัว
ใช้กับดักเป็ดที่เข้ามาในสวนและขังไว้ เมื่อนายแดงมาเรียกเป็ดคืน ก็เรียกให้ชดใช้ค่าผักที่เสียหายให้แก่ตนก่อนจึงจะคืนเป็ดให้
นายดำสามารถกระทำได้ทุกข้อที่กล่าวมา
22. หลักกฎหมาย
1) ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องที่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
2) “หน่วยงานทางปกครอง” หมายความถึง กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น...
3) “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความถึง ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคลหรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง...
4) หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
5) ถ้าการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่มิใช่การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในการนั้นเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสียหาย อาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วยงานของรัฐไม่ได้
ข้อเท็จจริง
ขณะที่นายแดงยืนเรียกรถแท๊กซี่อยู่บนตะแกรงเหล็กปิดปากบ่อท่อระบายน้ำทิ้งริมถนนสาธร แต่ตะแกรงเหล็กรับน้ำหนักนายแดงไม่ได้ ทำให้นายแดงและตะแกรงเหล็กตกลงไปในบ่อท่อระบายน้ำทิ้ง เป็นเหตุให้นายแดงขาหัก ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท นายแดงเห็นว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจัดทำบ่อที่ระบายน้ำทิ้งริมถนนสาธรซึ่งเป็นกิจการที่กฏหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครด้วยความประมาทเลินเล่อ โดยไม่ได้จัดทำตะแกรงเหล็กปิดวางบนปากบ่อท่อระบายน้ำทิ้งให้มีขนาดพอดีกับปากบ่อ และไม่ได้ทำบ่อรองรับตะแกรงเหล็กให้มีความมั่นคงแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักคนหรือสิ่งของได้อย่างปลอดภัย และประสงค์จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย นายแดงจะต้องฟ้องบุคคลใด และต่อศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง

นายแดงต้องฟ้องกรุงเทพมหานคร จะฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะเ
ป็นการกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ และต้องฟ้องต่อศาลปกครองเพราะเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ

 นายแดงต้องฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพราะมิใช่เป็นการกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ และต้องฟ้องต่อศาลปกครองเพราะเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมาย

นายแดงต้องฟ้องกรุงเทพมหานคร แต่จะฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้เพราะเป็นการกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ และต้องฟ้องต่อศาลยุติธรรมเพราะเป็นคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายในกรณีละเมิดทั่วๆ ไป

 นายแดงต้องฟ้องกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพราะเป็นการกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ และต้องฟ้องต่อศาลปกครองเพราะเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดขอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมาย
23. หลักกฎหมาย
1) ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่จำเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายความให้
2) ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายความ ก็ให้ศาลตั้งทนายความให้
3) ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
4) ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
คำสั่งศาลในข้อใดไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว 
ก. นาย ก. อายุ 16 ปี ถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ศาลสอบถามแล้วปรากฏว่าไม่มีทนายความ และนาย ก.ก็ไม่ต้องการมีทนายความ ศาลจึงไม่ได้มีคำสั่งตั้งทนายความให้
ข. นาย ก. อายุ 20 ปี ถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ศาลสอบถามแล้วปรากฏว่าไม่มีทนายความ และนาย ก.ก็ไม่ต้องการมีทนายความเนื่องจากเรียนจบกฎหมายมา ศาลจึงไม่ได้ตั้งทนายความให้
ค. นาย ก. อายุ 16 ปี ถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น ศาลเห็นว่านาย ก.ไม่มีทนายความ ศาลจึงมีคำสั่งตั้งทนายความให้ โดยไม่สอบถามนาย ก. ก่อนว่ามีและต้องการทนายความหรือไม่
ง. นาย ก. อายุ 20 ปี ถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น ศาลสอบถามแล้วปรากฏว่าไม่มีทนายความ และนาย ก.ก็ไม่ต้องการมีทนายความ แต่ศาลก็มีคำสั่งตั้งทนายความให้
24. หลักกฎหมาย
1) ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อนการใดๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
2) นิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ดังต่อไปนี้ ผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ได้แก่ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ
ข้อเท็จจริง
ด.ช.ทีคาโย อายุ 12 ปี เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ นางสาวแอนโน มารดา โดย ด.ช.ทีคาโย มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 5 ล้านบาท ทั้งสองแม่ลูกต้องการขายที่ดินดังกล่าวให้นายรัฐภูโม แต่เมื่อทั้งสองแม่ลูกได้ดูหลักกฎหมายในข้อที่ 2 แล้วเห็นว่า การที่ นางสาวแอนโนซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองจะขายที่ดินของ ด.ช.ทีคาโยนั้น ต้องให้ศาลอนุญาตก่อน ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเป็นให้ ด.ช.ทีคาโยทำสัญญาขายที่ดินให้นายรัฐภูโม โดยนางสาวแอนโนให้ความยินยอมเป็นหนังสือ อยากทราบว่าจะทำอย่างนั้นได้หรือไม่
ได้ เพราะกฎหมายให้ขออนุญาตต่อศาลเฉพาะกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองทำสัญญาเท่านั้น
 ไม่ได้ เพราะผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการคุ้มครองทรัพย์สินหรือกิจการที่สำคัญของผู้เยาว์
ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บอกว่าถ้าไม่ขออนุญาตศาลแล้วให้สัญญาเป็นโมฆะ
ต้องพิจารณาก่อนว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือไม่ ถ้าเป็นประโยชน์ก็ทำได้ ถ้าเสียประโยชน์ก็ทำไม่ได้
25. หลักกฎหมาย
1)การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะได้แก่ความสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม ความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรม และความสำคัญผิดในทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม เป็นต้น
2) การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคล หรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะและต้องเป็นความสำคัญผิดในคุณสมบัติ ซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากมิได้มีความสำคัญผิด ดังกล่าว การอันเป็นโมฆียะนั้นคงจะมิได้กระทำขึ้น
3) ความสำคัญผิดหลักกฎหมาย 1)หรือ 2)ซึ่งเกิดขึ้นโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของบุคคลผู้แสดงเจตนา บุคคลนั้นจะถือเอาความสำคัญผิดนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนไม่ได้
ข้อเท็จจริง
นางโสภีต้องการกู้เงินนายโสภาคและให้นางสาวโสภาเป็นผู้ค้ำประกันการกู้รายดังกล่าว โดยนางสาวโสภาได้ลงชื่อไว้ในกระดาษเปล่า พร้อมมอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและรับรองสำเนาถูกต้องไว้เรียบร้อยแล้ว ปรากฏภายหลังว่านางโสภีไม่ได้กูเงินดังกล่าว นายโสภาคจึงนำสัญญาค้ำประกันไปใช้กับการกู้ของนางโสภิตา อยากทราบสัญญาค้ำประกันจะมีผลทางกฎหมายเช่นไร และนางสาวโสภาจะอ้างผลดังกล่าวในทางกฎหมายอย่างใดได้หรือไม่
สัญญาเป็นโมฆะจึงยกขึ้นกล่าวอ้างได้
สัญญาเป็นโมฆะแต่ยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้เพราะนางสาวโสภาประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
สัญญาเป็นโมฆียะนางสาวโสภาจึงบอกล้างได้
สัญญาสมบูรณ์จึงยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้เพราะนางสาวโสภาประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
26. หลักกฎหมาย
1) การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ
2) ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ ลูกหนี้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้น
3) ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับ ผิดชอบนั้นไซร้ท่านว่าลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้น
ข้อเท็จจริง
น้ำหวาน สั่งจองพระพิมพ์รุ่นร่ำรวยจาก น้ำวนซึ่งเป็นตัวแทนของวัดหนองยิงหมีซึ่งพระพิมพ์ดังกล่าวสร้างจำนวนจำกัดเพียง 999 เหรียญ เมื่อน้ำวนได้พระพิมพ์มาจากวัดก็ไม่ส่งมอบให้ น้ำหวานแต่ไปส่งมอบให้คนอื่นเพราะได้ราคาสูงกว่าหลายเท่า ปรากฏว่าพระพิมพ์ไม่มีเหลืออยู่แล้วทั้งที่วัดหนองยิงหมีผู้สร้างพระพิมพ์และที่น้ำวนก็ไม่มีแล้ว อยากทราบว่าผลทางกฎหมายจะเป็นเช่นไร
สัญญาเป็นโมฆะเพราะมีวัตถุประสงค์พ้นวิสัย น้ำวนจึงไม่ต้องส่งมอบพระพิมพ์
สัญญาสมบูรณ์ แต่การชำระหนี้พ้นวิสัยซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ น้ำวนไม่ต้องส่งมอบพระพิมพ์ แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่น้ำหวาน
สัญญาสมบูรณ์ แต่การชำระหนี้พ้นวิสัยซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ น้ำวนไม่ต้องส่งมอบพระพิมพ์ และไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่น้ำหวาน
สัญญาสมบูรณ์ และการชำระหนี้ไม่พ้นวิสัยเพราะพระพิมพ์ยังไม่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง น้ำวนต้องหาพระพิมพ์อื่นมาส่งมอบ
27. หลักกฎหมาย
1) ลูกหนี้ทำนิติกรรมอันเกี่ยวกับทรัพย์สินเป็นเหตุทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ โดยลูกหนี้รู้อยู่แล้วว่าการทำนิติกรรมนั้นทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และผู้ได้ลาภงอกรู้ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ เว้นเป็นการให้โดยเสน่หา ลูกหนี้รู้ความจริงเพียงฝ่ายเดียวก็ขอเพิกถอนได้
2) การเพิกถอนดังกล่าวนั้น ไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอก อันได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีขอเพิกถอน แต่มิให้ใช้บังคับถ้าสิทธินั้นได้มาโดยเสน่หา
3) ผู้ได้ลาภงอก คือ ผู้ที่ทำนิติกรรมกับลูกหนี้ ส่วนบุคคลภายนอก คือ บุคคลที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้ได้ลาภงอก
ข้อเท็จจริง
สมบัติ กู้ยืมเงิน สมหมาย จำนวน 3ล้านบาท และไม่ยอมชำระหนี้เนื่องจากสมหมายไม่มีเงินหรือทรัพย์สินใดๆ พอชำระหนี้ แต่สมหมายมีรถยนต์ 1 คันราคา 3 แสนบาท และได้โอนขายโดยสมยอมกับสมทรงในราคาเพียง 3 หมื่นบาท ผ่านไป 3 เดือน สมบัติได้ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการขายรถยนต์โดยฉ้อฉลดังกล่าว เมื่อสมทรงทราบการที่สมบัติฟ้องขอเพิกถอนดังกล่าว สมทรงจึงนำรถยนต์ไปขายให้สมศักดิ์ ในราคา 3 แสน 3 หมื่นบาท โดยสมศักดิ์ไม่ทราบเรื่องการกู้เงินและการฟ้องร้องขอเพิกถอนดังกล่าวเลย อยากทราบว่า สมศักดิ์จะได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันดังกล่าวหรือไม่
ได้ เพราะสมศักดิ์เป็นบุคคลภายนอกซึ่งรับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
ไม่ได้ เพราะแม้ว่าสมศักดิ์จะเป็นบุคคลภายนอกซึ่งได้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก็ไม่ได้รับความคุ้มครองเพราะรับโอนมาภายหลังจากที่สมบัติได้ฟ้องให้เพิกถอนแล้ว
ได้ เพราะสมศักดิ์เป็นผู้ได้ลาภงอกซึ่งรับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
ไม่ได้ เพราะแม้ว่าสมศักดิ์จะเป็นผู้ได้ลาภงอกซึ่งได้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก็ไม่ได้รับความคุ้มครองเพราะรับโอนมาภายหลังจากที่สมบัติได้ฟ้องให้เพิกถอนแล้ว
28. หลักกฎหมาย
1) การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
2) บุคคลใดใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ และเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบไซร้ ท่านว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป ทั้งนี้ไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน
ข้อเท็จจริง
นิดทำหลุมฝังศพบรรพบุรุษในเขตบ้านของตนโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่หลุมฝังศพนั้นอยู่ห่างจากบ้านของหน่อยเพียง 10 เมตร ทำให้หน่อยและคนในบ้านหวาดกลัวในเรื่องภูตผี วิญญาณดังนี้หน่อยจะเรียกให้นิดย้ายหลุมฝังศพนั้นออกไปฝังที่อื่นจะได้หรือไม่เพราะเหตุใด
ได้เพราะนิดไม่มีสิทธิทำหลุมฝังศพในที่ดินของตนเอง
ได้เพราะแม้นิดจะมีสิทธิทำหลุมฝังศพในที่ดินของตนเองแต่การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควรที่จะเป็นไปตามปกติ
ไม่ได้เพราะนิดมีสิทธิทำได้เนื่องจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้อนุญาตแล้ว
ไม่ได้เพราะนิดมีสิทธิทำได้และการกลัวผีนั้นเกิดขึ้นเพราะหน่อยเป็นคนกลัวไปเอง
29. หลักกฎหมาย
1) การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
2) ถ้ามีผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ได้มานั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียน นั้น มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและ โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว
3)บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกัน เป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
ข้อเท็จจริง
นายเอเข้าครอบครองที่ดินมีโฉนดของนายบีด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว แต่นายบีไม่ทราบเรื่อง หลังจากนั้น นายบีขายที่ดินนั้นให้แก่นายซีโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และนายซีรับซื้อไว้โดยไม่ทราบว่านายเอ ครอบครองที่ดินนั้นอยู่อีก 3 ปีเศษต่อมา นายซีจะเข้าไปทำกินในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยอ้างว่า นายเอ ครอบครองที่ดินของตนเป็นเวลาเพียง 3 ปีเศษเท่านั้นย่อมไม่ได้สิทธิใดๆ ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของนายซีรับฟังได้หรือไม่และนายเอจะมีข้อต่อสู้หรือไม่เพราะเหตุใด
ข้ออ้างของนายซีรับฟังไม่ได้และนายเอยกข้อต่อสู้ไม่ได้
ข้ออ้างของนายซีรับฟังได้และนายเอยกข้อต่อสู้ไม่ได้
ข้ออ้างของนายซีรับฟังได้และนายเอยกข้อต่อสู้ได้
ข้ออ้างของนายซีรับฟังไม่ได้และนายเอยกข้อต่อสู้ได้
30. หลักกฎหมาย
1) ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดั่งกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิดหรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆ ก็ได้
2) ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้นต้องอาศัย พฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้น เพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร
ข้อเท็จจริง
คาวีนำควายไปเลี้ยงโดยปล่อยให้กินหญ้าบนไหล่ถนนซึ่งเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดโดยไม่ผูกเชือกหรือจับจูงเอาไว้ ควายจึงสามารถเดินเล่นไปมาได้อย่างอิสระ หลังจากนั้น คีวาขี่รถจักรยานยนต์มาแถวนั้นเห็นควายเดินอยู่ข้างถนนจึงเข้ามาใกล้ บีบแตรหลายครั้งและเอาไม้ไปแหย่ควายเป็นเหตุให้ควายตกใจและขวิดรถจักรยายนต์จนเป็นเหตุให้คีวาได้รับบาดเจ็บสาหัส อยากทราบว่าข้อใดถูกต้องที่สุด
คาวีไม่ผิดเพราะดูแลสัตว์ตามสมควรแล้ว แต่คีวาเป็นผู้ผิดเพราะประมาทเนื่องจากไปเร้าหรือยั่วสัตว์จนเป็นเหตุให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
 คาวีผิดเพราะปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควร เนื่องจากถนนหลวงมิใช่สถานที่เลี้ยงสัตว์แต่คีวาก็มีส่วนประมาทด้วยเนื่องจากไปเร้าหรือยั่วสัตว์
คาวีผิดเพราะปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควร เนื่องจากถนนหลวงมิใช่สถานที่เลี้ยงสัตว์ แต่คีวาไม่ผิดเนื่องจากการบีบแตรและเอาไม้ไปแหย่นั้นเป็นการไล่ควายให้หนีไป
คาวีและคีวาไม่ผิดเพราะทั้งสองฝ่ายต่างประมาทจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน
31. หลักกฎหมาย
1) การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไซร้ ท่านว่าเป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือกำปั่นหรือเรือมีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือยนต์มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
2) สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงราคากันสองหมื่นบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือวางมัดจำหรือมีการชำระหนี้บางส่วน จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
ข้อเท็จจริง
กรณีที่ 1 นายเมธีตกลงซื้อช้างที่ตีตั๋วรูปพรรณแล้วจำนวน 1 เชือก ราคา 3 แสนบาท จากนายเมธาโดยทำสัญญาเป็นหนังสือและส่งมอบช้างให้เมธาครอบครอง
กรณีที่ 2 นายเมธีตกลงซื้อช้างป่าจำนวน 1 ตัว ราคา 3 แสนบาท จากเมธาโดยทำสัญญาเป็นหนังสือและส่งมอบให้เมธาครอบครอง ข้อใดถูกต้อง
กรณีที่ 1 สัญญามีผลสมบูรณ์ กรณีที่ 2 สัญญามีผลสมบูรณ์
กรณีที่ 1 สัญญามีผลเป็นโมฆะ กรณีที่ 2 สัญญามีผลสมบูรณ์
กรณีที่ 1 สัญญามีผลสมบูรณ์ กรณีที่ 2 สัญญามีผลเป็นโมฆะ
กรณีที่ 1 สัญญามีผลเป็นโมฆะ กรณีที่ 2 สัญญามีผลเป็นโมฆะ
จงใช้หลักกฎหมายต่อนี้ตอบคำถามข้อ 32-33
1) อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดั่งจะกล่าวต่อไปนี้
1.1 ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ
1.2 ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ 1.3 ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้
2) การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะ แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตและต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนั้นมิได้ ถ้าการแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอื่นให้นำบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับนิติกรรมที่ถูกอำพรางมาใช้บังคับ
3) สัญญาให้อสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นตกเป็นโมฆะ
ข้อเท็จจริง ข้อ 32. และ 33. นายดำมีบุตรสองคนคือ นายแดงและนางสาวเหลือง นายดำมีบ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง ราคา 10 ล้านบาท โดยตั้งใจมอบให้นางสาวเหลืองซึ่งเป็นบุตรที่ตนรักมาก แต่นายดำกลัวว่านายแดงจะเสียใจ นายดำจึงตกลงกับนางสาวเหลืองว่าให้ทำสัญญาเช่าบ้านหลังดังกล่าวต่อกัน แต่ในใจจริงนั้นเป็นการยกบ้านให้แก่นางสาวเหลือง หลังจากนั้นนางสาวเหลืองก็เข้าครอบครองบ้านหลังดังกล่าว นอกจากนั้นนายดำยังมีรถยนต์อีก 1 คัน ราคา 1 แสนบาท ซึ่งนายดำได้ยกให้นายแดง และนายแดงได้เข้าครองครองรถยนต์ดังกล่าวแล้ว หลังจากนั้น 3 ปี นายดำตกเป็นบุคคลล้มละลายจึงมาขอเงินจากนายสาวเหลืองเพื่อซื้ออาหาร แต่นางสาวเหลืองไม่ให้ เพราะตนตกเป็นคนล้มละลายเช่นเดียวกันและไม่มีทรัพย์สินใดเหลืออยู่เลยประกอบกับเมื่อนายแดงทราบว่านายดำยกบ้านให้นางสาวเหลืองโดยหลอกว่าทำเป็นสัญญาเช่า ทำให้นายแดงเกิดความโกรธ หลังจากนั้น 3 วัน ขณะที่นายแดงกำลังทำความสะอาดปืน ปืนเกิดลั่นไปโดนนายดำได้รับบาดเจ็บรักษาตัว 2 วันหาย
32. อยากทราบว่านายดำจะเรียกคืนบ้านจากนางสาวเหลืองได้หรือไม่
ได้ เพราะนางสาวเหลืองบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้
ได้ เพราะสัญญาเช่าเป็นการแสดงเจตนาลวงจึงมีผลเป็นโมฆะ ส่วนสัญญาให้เป็นโมฆะเพราะไม่ทำตามแบบ นายดำจึงสามารถเรียกบ้านคืนได้โดยอาศัยหลักกรรมสิทธิ์
ไม่ได้ เพราะแม้นางสาวเหลืองบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้ แต่นางสาวไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ได้
ไม่ได้ เพราะเพราะสัญญาเช่าเป็นการแสดงเจตนาลวงจึงมีผลเป็นโมฆะ จึงต้องบังคับตามสัญญาให้ที่สมบูรณ์
33. อยากทราบว่านายดำจะเรียกคืนรถยนต์จากนายแดงได้หรือไม่
ได้ เพราะเป็นการที่นายแดงได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว
ไม่ได้ เพราะนายแดงไม่ได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา แต่เป็นการกระทำโดยประมาทเท่านั้น
ได้ เพราะสัญญาให้รถยนต์เป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ไม่ได้ เพราะแม้นายแดงประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาแต่ความผิดอาญานั้นไม่ร้ายแรงเนื่องจากนายดำไม่ได้รับอันตรายสาหัส
34. หลักกฎหมาย
1) บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนเอง หรือในการต่างๆอันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้
2) พินัยกรรมนั้น จะทำตามแบบดังนี้ก็ได้ กล่าวคือต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น
3) พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้ กล่าวคือ ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือตนเองซึ่งข้อความทั้งหมด วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน
ข้อเท็จจริง
นายเขียวอ่านหนังสือออกแต่เขียนหนังสือไม่ได้ ทำพินัยกรรมขึ้นมาฉบับหนึ่งโดยใช้พิมพ์ดีดทั้งฉบับ โดยไม่มีพยาน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไว้ในพินัยกรรม ต่อมานายเขียวตาย ถามว่า พินัยกรรมของนายเขียวสมบูรณ์หรือไม่
สมบูรณ์ เพราะเป็นพินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ ไม่จำเป็นต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรอง
สมบูรณ์ เพราะ เป็นพินัยกรรมแบบธรรมดา แต่เมื่อใช้พิมพ์ดีดไม่จำเป็นต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรอง
ไม่สมบูรณ์ เพราะ เป็นพินัยกรรมแบบธรรมดา จะต้องไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรอง
ไม่สมบูรณ์ เพราะ เป็นพินัยกรรมแบบเขียนเอง แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรอง
35. หลักกฎหมาย
1) บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว และบุตรบุญธรรมนั้น ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
2) ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ (1) ผู้สืบสันดาน (2) บิดามารดา
ข้อเท็จจริง
เด็กชายเล็กเป็นบุตรของนางใหญ่ นายโตซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนางใหญ่ รักและเอ็นดูเด็กชายเล็กเป็นอย่างมาก จึงให้การศึกษาเลี้ยงดู แสดงออกต่อผู้อื่นว่าเป็นลูกตลอดเวลา ต่อมานายโตตาย ถามว่า เด็กชายเล็กเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายโตหรือไม่
เป็นทายาท เพราะ เด็กชายเล็กเป็นบุตรนอกกฎหมายที่นายโตได้ให้การรับรองโดยพฤตินัยแล้ว
เป็นทายาท เพราะ เด็กชายเล็กยินยอมให้นายโตรับรองว่าเป็นบุตร ย่อมเป็นทายาทของนายโตโดยปริยาย
ไม่เป็นทายาท เพราะ เป็นบุตรนอกกฎหมายของนายโต แต่พฤติการณ์ของนายโตไม่ถึงขนาดเป็นการรับรองบุตร เด็กชายเล็กจึงไม่ใช่ทายาท
ไม่เป็นทายาท เพราะ นายโตไม่ใช่บิดาที่แท้จริงแม้ให้การรับรองก็ไม่ทำให้เด็กชายเล็กเป็นผู้สืบสันดาน
36. หลักกฎหมาย
1) สินส่วนตัว ได้แก่ทรัพย์สิน (1) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส (2) ที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (3) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา (4) ที่เป็นของหมั้น
2) สินสมรส ได้แก่ทรัพย์สิน (1) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส (2) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส (3) ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส
ข้อเท็จจริง
พันตรีประจักษ์และนางวนิดาเป็นสามีภรรยากัน พันตรีประจักษ์มีที่ดินมรดกอันได้มาหลังสมรส ราคา 1 ล้านบาท และถูกรางวัลที่ส่งชิงโชคประกวดตั้งชื่อหมีแพนด้าอีก 5 แสนบาท ต่อมาพันตรีประจักษ์ขายที่ดินดังกล่าวได้เงิน 2 ล้านบาท ต่อมาพันตรีประจักษ์และนางวนิดาจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน ถามว่า เงินที่ได้เพิ่มจากการขายที่ดิน และ เงินรางวัล เป็นสินสมรสอันจะต้องแบ่งแก่นางวนิดาครึ่งหนึ่งหรือไม่
เงินได้ทั้งสองรายการเป็นเงินได้ที่เกิดในระหว่างสมรส ย่อมเป็นสินสมรส
เงินเพิ่มจากการขายที่ดินเป็นเงินที่เพิ่มมาจากการขายสินส่วนตัว เป็นสินส่วนตัว ส่วนเงินรางวัลเป็นเงินได้ที่เกิดระหว่างสมรส เป็นสินสมรส
เงินเพิ่มจากการขายที่ดินเป็นเงินที่ได้มาระหว่างสมรส เป็นสินสมรส แต่เงินรางวัลเป็นผลงานส่วนตัวของพันตรีประจักษ์ย่อมเป็นสินส่วนตัว
เงินได้ทั้งสองรายการแม้เกิดในระหว่างสมรส แต่เป็นสินส่วนตัวของพันตรีประจักษ์ ไม่เป็นสินสมรส
37. หลักกฎหมาย
1) การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ต้องประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้ (1) เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ (2) เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นสูงขึ้น (3) เป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม
ข้อเท็จจริง
นายเอกประดิษฐ์วัสดุรองรับแรงกระแทกบนหัวเสาเข็มอันมีความทันสมัยและมีขั้นประดิษฐ์ที่สูงกว่าวัสดุรองรับแรงกระแทกบนหัวเสาเข็มของนายโทที่ประดิษฐ์ไว้และใช้อยู่ในประเทศอยู่ก่อนแล้ว ถามว่า นายเอกจะยื่นขอสิทธิบัตรในงานดังกล่าวได้หรือไม่
ได้ เพราะ เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นสูงขึ้นกว่าของนายโท
ได้ เพราะ วัสดุของนายโทใช้อยู่แค่ภายในประเทศเท่านั้น
ไม่ได้ เพราะ ไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่
ไม่ได้ เพราะ ไม่เป็นการประยุกต์ใช้เพื่ออุตสาหกรรม
38. หลักกฎหมาย
1) อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือ สัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น
2) กิจการอันใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย
3) ตัวการคนใดใช้บุคคลผู้ไร้ความสามารถเป็นตัวแทน ท่านว่าตัวการคนนั้นย่อมต้องผูกพันในกิจการที่ตัวแทนกระทำ
ข้อเท็จจริง
นายโตทำหนังสือแต่งตั้งตัวแทนให้นางสาวสวยอายุ 17 ปี ให้ไปทำสัญญาจำนองที่ดินแทนนายโต ต่อมานายหล่อผู้แทนโดยชอบทำของนางสาวสวยบอกล้างนิติกรรมโดยอ้างว่านิติกรรมเป็นโมฆียะ ถามว่า สัญญาจำนองที่ดินที่นางสาวสวยไปกระทำการแทนนายโตผูกพันนายโตหรือไม่
ผูกพัน เพราะ นายโตเป็นผู้ตั้งตัวแทนย่อมผูกพันในการที่ตัวแทนกระทำ
ผูกพัน เพราะ นางสาวสวยแม้เป็นผู้เยาว์ แต่โตพอรับรู้การกระทำของตนเองได้แล้ว สามารถทำสัญญาจำนองได้
ไม่ผูกพัน เพราะ นางสาวสวยเป็นผู้เยาว์ และผู้แทนโดยชอบธรรมบอกล้างโมฆียกรรมแล้ว
ไม่ผูกพัน เพราะ ผู้เยาว์ทำสัญญาจำนองที่ดินไม่ได้
39. หลักกฎหมาย
1) อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่งซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนสองจำพวก ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งมีจำกัดความรับผิดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้นจำพวกหนึ่ง และ (2) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่มีจำกัดจำนวนอีกจำพวกหนึ่ง
2) ห้ามมิให้เอาชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดมาเรียกขานระคนเป็นชื่อห้าง
3) ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อตนระคนเป็นชื่อห้างไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่าเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด
4) อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการ
5) ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
ข้อเท็จจริง
นายเหลืองมีความประสงค์จะตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดเพื่อประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง โดยนายเหลืองเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และนางขาวเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด เพื่อความเป็นสิริมงคลของร้าน จึงนำชื่อของนายเขียวบิดามาตั้งเป็นชื่อร้านว่า “ห้างหุ้นส่วนจำกัดเขียว” ในการประกอบกิจการนายเขียวจะช่วยนายเหลืองในการสั่งซื้อสินค้าจากนายแดงอยู่เสมอ ต่อมาห้างหุ้นส่วนเขียวผิดนัดชำระหนี้ค่าสินค้านายแดง ถามว่า นายเขียวต้องรับผิดในค่าสินค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดเขียว ต่อนายแดงหรือไม่
รับผิด เพราะ นายเขียวยินยอมให้ใช้ชื่อตนระคนกับชื่อห้าง
รับผิด เพราะ นายเขียวสอดเข้าจัดกิจการงานของห้าง
ไม่ต้องรับผิด เพราะ นายเขียวมิได้เป็นหุ้นส่วนของห้าง
ไม่ต้องรับผิด เพราะ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเขียวเท่านั้นต้องรับผิด หุ้นส่วนไม่ต้องรับผิด
40. หลักกฎหมาย
1) การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
ข้อเท็จจริง
นายจอห์นต้องการกู้เงินนายโจ 2,000 บาท จึงเอ่ยปากขอยืมเงินนายโจ นายโจจึงส่งมอบเงินจำนวน 2,000 บาท แก่นายจอห์น หลังจากนายจอห์นได้รับเงินกู้แล้ว 1 ปี นายโจจึงได้ทำสัญญากู้เงินจำนวน 2,000 บาท ไปให้นายจอห์นลงชื่อในสัญญากู้ นายจอห์นลงชื่อตามที่นายโจต้องการ ถามว่า ต่อมานายจอห์นไม่ยินยอมชำระหนี้นายโจ นายโจจะนำสัญญากู้มาฟ้องนายจอห์นได้หรือไม่
ฟ้องได้ เพราะ เป็นสัญญากู้ที่ทำกันจริงและจำนวนเงินถูกต้อง
ฟ้องได้ เพราะ กู้เงิน 2,000 บาท ไม่ต้องทำเป็นหลักฐานและลงลายมือชื่อผู้กู้
ฟ้องไม่ได้ เพราะ สัญญากู้ทำหลังจากนายจอห์นได้รับเงินแล้ว
ฟ้องไม่ได้ เพราะ สัญญากู้ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรอง จึงเป็นสัญญากู้ที่ไม่ชอบ
จงใช้หลักกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 41 และ 42
หลักกฎหมาย
1) บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาเว้นแต่จะได้กระทำความโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้ กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
2) ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นเพราะฐานะของบุคคล หรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
3) ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษ
4) ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ
ข้อเท็จจริงใช้ตอบคำถาม ข้อ 41 และ 42 แดง ดำ และขาว กำลังรุมทำร้ายม่วงอยู่ เขียวเห็นเช่นนั้นจึงจะช่วยม่วง เขียวจึงใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อขู่มิให้คนทั้งสามรุมทำร้ายม่วงต่อไป ทันใดนั้นเอง ขณะที่เขียวยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นนัดที่สาม เหลืองพวกของแดงอีกคนที่ตามมาทีหลังก็ได้ใช้ไม้ทุบหลังของเขียว ทำให้เขียวล้มลง และกระสุนจากปืนที่เขียวถืออยู่นั้นลั่นขึ้น 1 นัด เป็นเหตุให้ถูกส้มซึ่งขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาได้รับบาดเจ็บ และกระสุนยังเลยไปถูกฟ้าแม่ค้าขายเฉาก๊วยที่ยืนอยู่ห่างออกไปถึงแก่ความตายอีกด้วย
 41. จงวินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของเขียวที่มีต่อส้ม
มีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา (เล็งเห็นผล)
มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
ไม่มีความผิด
42. จงวินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของเขียวที่มีต่อฟ้า
มีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา (พลาด)
มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
ไม่มีความผิด
จงใช้หลักกฎหมายต่อไปนี้ตอบข้อ 43 และ 44
หลักกฎหมาย
1)  ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น - เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้หรือ - เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแต่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
2) ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
3)  ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
4) ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้นผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
5) ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ
43. แดงชกดำแล้ววิ่งหนีไป ดำโกรธมากที่ถูกทำร้ายจึงวิ่งไล่ตามไป แต่วิ่งไม่ทันและนั่งพักอยู่บริเวณริมถนน อีกชั่วโมงต่อมาดำพบแดงที่ร้านเกมส์ซึ่งขณะนั้นตนกำลังเล่นเกมส์อย่างสนุกสนานจึงหยุดเล่นแล้วเดินเข้ามาชกหน้าแดงด้วยความโมโหที่แดงชกตนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ทำให้แดงปากแตกเลือดไหล ดำมีความผิดตามกฎหมายอาญาหรือไม่ อย่างไร
มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ต้องรับโทษ
มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่ได้รับการลดโทษ
ไม่มีความผิดเลย
มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย รับโทษตามปกติ
44. แดงกับดำเป็นคู่อริกัน วันหนึ่งแดงเดินไปที่หน้าบ้านของดำแล้วพูดตะโกนท้าทายชักชวนให้ออกมาทะเลาะกันว่า “เอ็งออกมาต่อยกับข้าตัวต่อตัวสิวะ ถ้าแน่จริง” เมื่อดำเห็นและได้ยินเช่นนั้นจึงเดินออกไปที่หน้าบ้านของตนตามคำท้าพร้อมทั้งพกปืนติดตัวไปด้วย เมื่อทั้งคู่พบกัน แดงใช้มีดพยายามจะแทงดำแต่ดำไวกว่า ใช้ปืนของตนยิงแดงตายเสียก่อน ดำมีความผิดตามกฎหมายอาญาหรือไม่ อย่างไร
ไม่มีความผิดเพราะกระทำโดยป้องกัน
มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะกระทำโดยจำเป็น
มีความผิดแต่ได้รับการลดโทษ เพราะกระทำโดยบันดาลโทสะ
มีความผิดและรับโทษตามปกติ
45. หลักกฎหมาย
1) ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ
2) ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้างวานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
3) ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
ข้อเท็จจริง
แดงต้องการฆ่าดำ เพราะทราบว่าดำเป็นผู้ลอบฆ่าบิดาตนแต่แดงไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าดำมาก่อนจึงไปถามเขียว เมื่อเขียวได้ทราบเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจเพราะดำคือเพื่อนสนิทของตน และกลัวว่าเพื่อนจะถูกฆ่าจึงบอกกับแดงว่าคนที่อยู่บ้านท้ายซอยคือดำ ซึ่งจริงๆแล้วคนๆนั้นคือเหลืองคู่อริของเขียวเอง เมื่อแดงไปพบกับเหลืองซึ่งตนคิดว่าเป็นดำจึงตะโกนถามขึ้นก่อนยิงว่า “แกชื่อดำใช่มั้ย” เหลืองรีบส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่ใช่ ทันใดนั้นเหลืองเห็นดำคู่อริของตนเช่นกันเดินผ่านมาพอดี เหลืองจึงชี้ให้แดงเห็นดำแล้วพูดว่า “นั่นไงไอ้ดำ มันนั่นแหละ เดินมาโน่นแล้ว” แดงจึงใช้ปืนยิงดำถึงแก่ความตาย เขียวและเหลืองเป็นผู้กระทำความผิดทางอาญาประเภทใดตามลำดับ
ผู้ใช้, ผู้ใช้
ผู้สนับสนุน, ผู้สนับสนุน
ผู้สนับสนุน, ผู้ใช้
ผู้ใช้, ผู้สนับสนุน
46. หลักกฎหมาย
1) ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นเพราะฐานะของบุคคล หรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
2) ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น - เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้หรือ - เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแต่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้อ รับโทษ
3) ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
ข้อเท็จจริง
แดงต้องการฆ่าขาวเด็กทารกให้ตาย จึงเอาขาวไปทิ้งไว้ในรถยนต์แล้วปิดประตูและกระจกจนหมด ขาวดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจใกล้ตาย เหลืองมาพบเข้าจึงช่วยขาวโดยใช้ไม้ทุบกระจกรถยนต์ของแดงแตกและเปิดประตูอุ้มขาวออกมาได้ แต่ปรากฎว่าเศษกระจกนั้นกระเด็นไปถูกเขียวที่ยืนอยู่ห่างออกไปตาบอดได้รับบาดเจ็บ จงวินิจฉัยความรับผิดที่เหลืองมีต่อแดงและเขียว ตามลำดับ
มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, มีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, ไม่มีความผิดฐานใดๆต่อเขียว
มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แต่ไม่ต้องรับโทษ, มีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, มีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
47. หลักกฎหมาย
1) ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร
จงพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไปนี้
1)แดงเอาป้ายทะเบียนรถยนต์ TOYOTA ที่ทางราชการออกให้ หมายเลข กข 1234 ของแดงเองไปติดกับรถยนต์ HONDA ของแดงเองเช่นกัน เพราะป้ายรถคัน HONDAหลุดตกหายไป
2)แดงใช้กระดาษแข็งเขียนเป็นแผ่นป้ายทะเบียนโดยเขียนตรงกับเลขเดิมของรถที่แผ่นป้ายทะเบียนหลุดหายไป แล้วนำกระดาษดังกล่าวไปติดไว้แทนแผ่นป้ายที่หล่นหาย แล้วใช้รถขับขี่ทั่วไป
3)แดงใช้กระดาษแข็งเขียนเป็นแผ่นป้ายทะเบียน โดยเขียนเลขซึ่งไม่ตรงกับคันที่แผ่นป้ายทะเบียนหล่นหาย แล้วนำแผ่นป้ายที่เขียนเลขใหม่นั้นไปติดกับรถคันดังกล่าว ซึ่งเป็นเลขทะเบียนที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงของเดิม และใช้รถขับขี่ทั่วไป
ข้อใดจากข้อเท็จจริงที่ผิดฐานปลอมเอกสาร
1 และ 2
1 และ 3
2 และ 3
3 เท่านั้น
จงใช้หลักกฎหมายต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 48 – 49
หลักกฎหมาย
1) ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
2) ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง
3) ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก
4) ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
5) ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก
6) ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ - ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป - ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น - ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ - ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ - ให้พ้นจากการจับกุม ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
จงพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไปนี้
48. แดงเป็นพนักงานธนาคาร ดำนำเงินมาฝากธนาคาร แต่แดงไม่ยอมนำเงินนั้นฝากและคีย์ข้อมูลเข้าระบบของธนาคาร กลับนำเงินเก็บไว้ใช้เองส่วนตัว 2)แดงเป็นลูกจ้างของดำ ดำใช้ให้แดงไปเก็บเงินค่าเช่าบ้านจากผู้เช่า แต่แดงกลับนำเงินที่เก็บได้นั้นไปใช้ส่วนตัว 3)แดงฝากเงินให้ดำไปจัดการไถ่จำนองที่ดินที่ธนาคารให้ แต่ดำกลับนำเงินไปใช้ส่วนตัว
ข้อ 1), 2) และ 3) มีความผิดฐานใดบ้างตามลำดับ
ลักทรัพย์, ยักยอกทรัพย์, ลักทรัพย์
ยักยอกทรัพย์, ลักทรัพย์, ยักยอกทรัพย์
ยักยอกทรัพย์, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์
ลักทรัพย์, ยักยอกทรัพย์, ยักยอกทรัพย์
49. ค่ำวันหนึ่งแดงและดำ จอมโจรย่านสีลม พากันขึ้นไปบนรถประจำทางโดยแดงขึ้นทางประตูหน้า ดำขึ้นทางประตูหลัง แดงเห็นฟ้าใส่สร้อยทองเส้นใหญ่จึงจะเข้าไปกระชากแต่มีเขียวยืนขวางอยู่ แดงจึงทำทีท่าเดินเข้าไปใกล้ๆเขียวแล้วถือโอกาสรถเบรคใช้ไหล่กระแทกเขียวเบาๆโดยเขียวไม่รู้สึกตัว คิดว่าเป็นเพราะรถเบรคจึงทำให้ตนเสียหลัก เมื่อเขียวเซไปพ้นทาง แดงจึงกระชากสร้อยของฟ้าแล้วรีบวิ่งลงจากรถไป เมื่อดำเห็นเพื่อนทำเช่นนั้นก็จึงรีบเดินเข้าไปหาส้มแล้วเอามือของตนโอบเอวของส้มแล้วลูบไปที่หน้าท้องของส้มเบาๆพร้อมกับพูดว่า “สวยๆอย่างนี้กลับไปกับพี่มั้ยน้อง ส่งกระเป๋ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เมื่อส้มได้ยินเช่นนั้นจึงกลัวและเตรียมจะส่งกระเป๋าให้ดำ แต่ในขณะนั้นมีคนบนรถหันมามองมากมาย ดำจึงวิ่งหนีลงจากรถไปก่อน จงวินิจฉัยว่าแดงและดำผิดอาญาฐานใด ตามลำดับ
ชิงทรัพย์, กรรโชกทรัพย์
วิ่งราวทรัพย์, กรรโชกทรัพย์
ชิงทรัพย์, พยายามชิงทรัพย์
วิ่งราวทรัพย์, พยายามชิงทรัพย์
50. หลักกฎหมาย
1) ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้อเท็จจริง
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวาย ไก่ของชาวบ้านหายไปวันละหลายๆตัว กลางดึกคืนหนึ่งชาวบ้านจึงพากันไปที่วัดเพื่อบอกกับหลวงพ่อ ในขณะที่ชาวบ้านต่างปรึกษาหารือกันอยู่แดงก็พูดขึ้นว่า “ผีปอบ ผีปอบ ยายแม้นมันเป็นผีปอบ”แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้เชื่อเช่นนั้นทุกคน ขณะเดียวกันนั้นฟ้าชาวบ้านอีกคนก็พูดเสริมขึ้นเสียงดังว่า “เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครนอกจากยายแม้นคนชั่ว คนเลว” ซึ่งขณะนั้นยายแม้นที่แอบฟังอยู่หลังศาลาได้ยินฟ้าพูดเช่นนั้นก็เดินออกมากลางศาลาแล้วตะโกนขึ้นว่า “เองอย่ามากล่าวหาข้า อีคนไม่ดี อีคนเลว อีคนห้าผัวหกผัว ” แล้วก็เดินลงจากศาลาไป จงวินิจฉัยว่ามีคนผิดหมิ่นประมาทกี่คน
1 คน
2 คน
3 คน
ไม่มีใครผิดเลย

ผลคะแนน = 
เฉลยคำตอบ:


ที่มา http://www.dtl-law.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538791880&Ntype=4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น